เว็บไซต์หรือหน้าเว็บเป็นช่องทางสำคัญในการทำธุรกิจออนไลน์ ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายของคุณสามารถค้นหาและเข้าถึงเว็บไซต์ธุรกิจของคุณได้ง่ายขึ้น ยังช่วยสร้างยอดขายให้กับธุรกิจของคุณอีกด้วย อย่างไรก็ตามเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น
จำเป็นต้องใช้เทคนิคทางการตลาดที่เรียกว่า “SEO Marketing” ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณให้มีคุณภาพและช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏอยู่ด้านบนสุดของผลการค้นหาในเครื่องมือค้นหาต่างๆ เช่น เครื่องมือค้นหาในเว็บ (Search Engines)
อย่างไรก็ตามอาจมีหลายๆ คนที่ไม่เข้าใจหรือไม่ทราบหลักการของ SEO และวิธีการทำ รวมถึงความสำคัญด้วย ในบทความนี้ เราได้สรุปทุกอย่างเกี่ยวกับ SEO Marketing ไว้ให้คุณแล้ว
การตลาด SEO คืออะไร?
SEO Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ใช้การปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์หรือเนื้อหาของธุรกิจออนไลน์นั้น ๆ เพื่อให้สามารถจัดอันดับในเครื่องมือค้นหาเช่น Google, Bing, Yahoo และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ
SEO Marketing สำคัญกับธุรกิจออนไลน์แค่ไหน?
หลายท่านคงทราบอยู่แล้วว่า SEO Marketing สามารถช่วยเพิ่มยอดขายของคุณได้ เพราะเมื่อเว็บไซต์ของคุณอยู่บนหน้าแรก ลูกค้าจะดูและซื้อสินค้าของคุณได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม SEO Marketing ยังคงมีความสำคัญและมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด SEO Marketing มีความสำคัญต่อธุรกิจดังนี้
1. รับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้น
การตลาด SEO เป็นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ใช้คำหลักที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณเพื่อให้พวกเขาค้นหาและเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ โดยไม่ต้องใช้โฆษณาหรือโปรโมทโฆษณา
2. เป็นตัวกรองสำหรับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์
ดังที่คุณทราบแล้วว่าคำหลักถือเป็นหัวใจสำคัญของการตลาด SEO เนื่องจากคำหลักช่วยในการดึงดูดผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ หากคุณต้องการทราบว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณค้นหาอะไรเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณมากที่สุด สามารถดูได้จาก Intent หรือ Keyword
3. ช่วยสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์
หากเว็บไซต์ของคุณถูกค้นหาบ่อยครั้ง แสดงว่าเว็บไซต์หรือธุรกิจของคุณได้รับความสนใจและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง จะสร้าง Brand Awareness เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ ส่งผลให้ธุรกิจออนไลน์ประสบความสำเร็จ
4.ช่วยให้ติดอันดับหน้าแรกในระยะยาว
หลายคนคิดว่าผลลัพธ์ของ SEO Marketing อาจอยู่ได้ไม่นาน หรือเว็บไซต์ของคุณจะอยู่บนหน้าแรกของผลการค้นหาเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตาม หากคุณทำ SEO อย่างเหมาะสม เว็บไซต์ของคุณก็จะติดหน้าแรกของผลการค้นหาในระยะยาวอย่างแน่นอน
5. ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโปรโมทเว็บไซต์
ทำ SEO Marketing เพื่อปรับปรุงคุณภาพเว็บไซต์และอันดับในผลการค้นหา จำเป็นต้องพึ่งพา ผู้เชี่ยวชาญ SEO เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามอาจมีค่าใช้จ่ายสูง อย่างไรก็ตาม การทำ SEO Marketing มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการทำ SEM หรือ Google Ads แน่นอน แถมยังได้ผลลัพธ์ที่มั่นคงอีกด้วย รวมถึงสามารถติดอันดับได้นานกว่าการยิง Ads อีกด้วย
เทคนิค SEO Marketing คืออะไร?
ปัจจุบันกลยุทธ์การทำ SEO Marketing ที่มีคุณภาพสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
SEO บนเพจ
เป็นการออกแบบเว็บไซต์ให้มีเนื้อหาและข้อความที่สอดคล้องกับคำค้นหาที่ผู้คนมักค้นหาใน Search Engine เนื้อหาที่มีคุณภาพและน่าสนใจสามารถดึงดูดผู้เข้าชมให้อยู่บนเว็บไซต์ได้นานขึ้น รวมถึงทำให้มีผู้ใช้งานเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้น Google จะถือว่าเว็บไซต์มีคุณภาพหรือไม่ ผ่านเรตติ้งคุณภาพ โดยพิจารณาจากเนื้อหาบนเว็บไซต์ รูปภาพ และวิดีโอ
นอกจากเนื้อหาที่มีคุณภาพแล้ว การเขียนโค้ดยังเป็นหนึ่งในเทคนิค SEO Marketing ที่เพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของเราปรากฏในผลการค้นหาอันดับต้นๆ ของ Search Engines
SEO นอกเพจ
เป็นหนึ่งในเทคนิคสำคัญในการทำ SEO Marketing ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาผ่านการใช้ลิงก์จากเว็บไซต์อื่น คุณสามารถใช้ข้อมูลอ้างอิงหรือแบ่งปันข้อมูลจากเพจของเรา
หากเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมจำนวนมากและมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับเว็บไซต์ของคุณ สามารถช่วยเพิ่มคุณภาพของ SEO Off-Page หรือ Backlinks ได้ และ Google ยังช่วยดันอันดับเว็บไซต์ของคุณอีกด้วย
ทำไม SEO Marketing ถึงต้องใช้คีย์เวิร์ด?
เพื่อให้ SEO Marketing มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าทั้งในรูปแบบ Organic Traffic และ Paid Traffic จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจคำค้นหาหรือคีย์เวิร์ดที่ลูกค้าค้นหา เพื่อปรับเปลี่ยนเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้เหมาะสม Keywords สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
- คำหลักเริ่มต้นเป็นคำหลักแบบกว้าง ที่ลูกค้าใช้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหมวดหมู่หรือผลิตภัณฑ์นั้น เช่น “บ้านเดี่ยว ปทุมธานี” หรือ “คอนโดมิเนียมสายสีเขียว”
- คีย์เวิร์ดเฉพาะคือคีย์เวิร์ดที่ขยายคีย์เวิร์ด Seed โดยเป็นคำที่ระบุตำแหน่งที่แคบลง หรือระบุยี่ห้อของผู้ประกอบการ เช่น “บ้านเดี่ยว แสนสิริ รังสิต” หรือ “คอนโดมิเนียม ออริจิ้น พหลโยธิน”
- คำหลัก Niche Longtail เป็นคำหลักเฉพาะ และระบุให้ชัดเจน เช่น ระบุแบรนด์ระดับโครงการ เช่น “เศรษฐสิริ รังสิต” หรือ “คอนโด โนเบิล คูคต สเตชั่น” คำเหล่านี้ช่วยให้สินค้าหรือบริการมีโอกาสปรากฏอยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหาได้สูงขึ้น เนื่องจากคำสำคัญประเภทนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการค้นหามากที่สุด
SEO Marketing ประกอบด้วยเครื่องมืออะไรบ้าง?
SEO Marketing ต้องการเครื่องมือและโปรแกรมที่มีคุณภาพ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือสำหรับ SEO Marketing มีดังนี้:
1. เครื่องมือคำหลัก SEO
เป็นเครื่องมือที่ช่วยสำรวจแนวโน้มและความนิยมของคำค้นหาที่ใช้โดยเว็บไซต์คู่แข่ง รวมถึงคำยอดนิยมที่ลูกค้าใช้ค้นหาข้อมูล เครื่องมือคำหลัก SEO มีทั้งแบบฟรีและมีค่าใช้จ่าย เช่น Google Keyword Planner, Google Trends, Ubersuggest เป็นต้น
2. เครื่องมือลิงก์ย้อนกลับ
เป็นหนึ่งในเครื่องมือ SEO Marketing ที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของลิงค์ภายนอกที่อ้างอิงหรือลิงค์ไปยังเว็บไซต์ เพื่อประเมินว่าลิงค์มีคุณภาพดีหรือไม่? โดยเครื่องมือ Backlink ที่ใช้กันทั่วไป, Google Search Console, AHREFS เป็นต้น
3. เครื่องมือติดตามอันดับ SERP
ช่วยในการวัดประสิทธิภาพของคำค้นหา รวมถึงการดูว่าข้อความค้นหาใดได้รับความนิยมในช่วงเวลานั้นและเรียงลำดับอย่างไร โปรแกรมที่ช่วยดูอันดับ ได้แก่ Google Search Console, Ubersuggest เป็นต้น
4. การวิเคราะห์บนเพจ
ใช้เพื่อตรวจสอบจำนวนคำค้นหาที่สำคัญที่รวมอยู่ในหน้าของเรา และเนื้อหามีความยาวเหมาะสมหรือไม่? ตัวอย่างของการวิเคราะห์ในหน้า ได้แก่ MOZ, เว็บที่คล้ายกัน และ Pagespeed Insight
5. การตรวจสอบ SEO
เครื่องมือ SEO Marketing ประเภทนี้ใช้เพื่อประเมินคุณภาพของหน้าเว็บเพื่อดูว่ามีประสิทธิผลหรือไม่ หากระดับคุณภาพของเว็บไซต์ของคุณในผลการค้นหาลดลง เราสามารถทำการปรับปรุงเพื่อรักษาอันดับของเราในหน้าแรกของผลการค้นหาได้ โปรแกรมช่วยเหลือที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่ Screaming Frog, GTmetrix และ Google Search Console
การปฏิบัติตามนโยบายเครื่องมือค้นหาและ การทำ SEO จะป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ของคุณถูกจัดอันดับต่ำลงในอนาคต นอกจากนี้สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งใน SEO Marketing คือการออกแบบและดำเนินกิจกรรม SEO ให้มีความคล่องตัวและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจุบัน